วีซ่า อเมริกา

วีซ่าท่องเที่ยว


ขั้นตอนในการดำเนินการขอวีซ่าท่องเที่ยวอเมริกา
1. ชำระค่าธรรมเนียมบันทึกข้อมูลของนักเรียนต่างชาติที่เดินทางเข้าไปศึกษาในประเทศสหรัฐอเมริกา (The Student and Exchange Student Visitor Information System, SEVIS) $350
2. กรอกแบบฟอร์มคำร้องขอวีซ่าอเมริกา DS160
3. ชำระค่าธรรมเนียมการขอวีซ่าอเมริกา $160 (4,960 บาท) ที่ธนาคารกรุงศรี หรือชำระผ่านบัตรเครดิต / เดบิต ผ่านระบบออนไลน์ที่ https://www.fmjfee.com/i901fee/ (มีค่าธรรมเนียมเพิ่มเติม)
4. ทำการนัดวันสัมภาษณ์วีซ่าอเมริกาผ่านระบบออนไลน์ โดยจะสามารถเข้าไปทำนัดสัมภาษณ์ได้ หลังจากชำระค่าธรรมเนียมวีซ่าประมาณ 24 ชั่วโมง
5. เดินทางไปสัมภาษณ์ที่สถานทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย ในกรุงเทพมหานคร 95 ถนนวิทยุ ลุมพินี ปทุมวัน กทม. 10330 (BTS เพลินจิต ทางออก 2) ตามวันเวลาที่นัดหมาย โดยให้ไปถึงก่อนประมาณ 15 นาที

เอกสารที่ต้องนำไปในวันที่สัมภาษณ์วีซ่าอเมริกา
1. เอกสารยืนยันการนัดสัมภาษณ์
2. เอกสารยืนยันแบบฟอร์ม DS-160
3. หนังสือเดินทางเล่มปัจจุบัน
4. รูปถ่ายสำหรับทำวีซ่าอเมริกาขนาด 2×2 นิ้ว 1 ใบ พื้นหลังสีขาว
5. แบบฟอร์ม I-20
6. เอกสารยืนยันการชำระ I-901 (SEVIS Fee)
7. หลักฐานแสดงฐานะทางการเงินสำหรับการศึกษาในปีแรก
     7.1 หนังสือรับรองฐานะทางการเงินจากทางธนาคาร (Bank Letter) ระบุค่าเงินเป็น USD
     7.2 รายการเดินบัญชี (Statement) เงินเข้า-ออก ย้อนหลัง 6 เดือน

เอกสารเพิ่มเติม เพื่อสนับสนุนการพิจารณาวีซ่า
• ใบรับรองการสำเร็จการศึกษา (Degree Certificate)
• ใบแสดงผลการเรียน (Transcript)
• ผลภาษาอังกฤษ (TOEFL / IELTS)
• หนังสือรับรองการทำงานของผู้สมัคร
• สำเนาบัตรประชาชน
• สำเนาทะเบียนบ้าน
• ใบเปลี่ยนชื่อ หรือ ใบเปลี่ยนนามสกุล (หากเคยเปลี่ยน)
• แผนการของผู้สมัคร หลังจากที่เดินทางกลับสู่ประเทศไทยแล้ว (Potential job)
• เอกสารแสดงความสัมพันธ์และสำเนาบัตรประชาชนของผู้สนับสนุน ในกรณีมีผู้สนับสนุนทางการเงิน
• หลักฐานการทำงานของผู้สนับสนุน ในกรณีมีผู้สนับสนุนทางการเงิน

เอกสารต่างๆ ที่ยื่นเป็นภาษาไทย ต้องนำไปแปลเป็นภาษาอังกฤษ

Tips เล็กๆ น้อยๆ สำหรับวันสัมภาษณ์

สำคัญมาก! อย่าลืมนำเอกสารและหลักฐานต่างๆ ไปให้ครบ
– แต่งกายให้สุภาพ สวมชุดที่ค่อนข้างเป็นทางการ
– ตอบคำถามให้ฉะฉาน ตอบตรงคำถาม และพูดตามความจริง เน้นที่แผนการการศึกษาของน้องๆควรให้แม่นยำ น้องๆควรมีการเตรียมตัวสัมภาษณ์ล่วงหน้าด้วยตนเอง หรือกับเจ้าหน้าที่ของทางสถาบันเพื่อความพร้อมและลดความประหม่าในวันสัมภาษณ์จริง

ในส่วนของประกันสุขภาพ ทางสหรัฐอเมริกาจะไม่มีบริการความคุ้มครองสุขภาพจากภาครัฐ ดังนั้น น้องๆ จะต้องเตรียมทำประกันสุขภาพไปเอง ซึ่งโดยปกติแล้ว สถาบันการศึกษาทุกแห่งในสหรัฐอเมริกาจะแนะนำให้ซื้อประกันสุขภาพเมื่อเปิดภาคเรียนกับทางสถาบัน หรือบางสถาบันจะมีข้อบังคับว่า ผู้เรียนต้องทำประกันกับบริษัทประกันที่สถาบันการศึกษาเป็นผู้ติดต่อให้เท่านั้น หรือคิดรวมกับตอนจ่ายค่าเทอมเลย ซึ่งข้อดีคือ น้องๆ จะมั่นใจได้ว่าประกันสุขภาพตรงตามเงื่อนไข ความคุ้มครองเพียงพอ และทำเคลมได้ง่าย แต่หากน้องๆ มีประกันอยู่แล้ว หรือต้องการซื้อประกันจากที่ไทย ต้องอย่าลืมดูข้อกำหนดของสถาบันการศึกษาให้ดีว่า สามารถทำประกันสุขภาพกับบริษัทประกันที่ไหนได้บ้าง และควรแจ้งแผนประกันกับทางสถาบันให้ทราบ เพื่อตรวจสอบเงื่อนไขและความคุ้มครอง เช่น วงประกันที่ต้องครอบคลุม โดยควรนำเอกสารเกี่ยวกับแผนประกัน (ฉบับภาษาอังกฤษ) ที่น้องๆ ซื้อจากประเทศไทยติดตัวไปด้วย

รู้หรือไม่? กรณีต้องการขอวีซ่าอเมริกาเร่งด่วน สามารถทำได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม เพียงแค่แจ้งเรื่องไปยังสถานทูตเพื่อพิจารณาถึงความจำเป็นที่ต้องการยื่นขอวีซ่าอเมริกาแบบเร่งด่วน จากนั้นทางสถานทูตจะแจ้งตารางนัดสัมภาษณ์กลับมา หากผ่านการพิจารณา
 

วีซ่าแต่งงาน


ส่วนสำคัญที่สุดในการขอวีซ่าแต่งงานอเมริกา CR 1 เอกสารที่จะต้องใช้หรือจัดเตรียมเพื่อยื่นวีซ่า
ต้องจัดเตรียมเอกสารให้ครบถ้วน จะได้ไม่ถูกฎิเสธ
โดยเอกสารหลักๆเลยที่จะต้องใช้ในการยื่นคำร้องขอวีซ่าคู่สมรส CR1 จะมีดังนี้
 
1. ใบคำร้องวีซ่าคู่สมรสออนไลน์ สำหรับสปอนเซอร์ชาวอเมริกัน (I-130)
2. ใบคำร้องวีซ่าคู่สมรส สำหรับคู่สมรสของสปอนเซอร์ชาวอเมริกัน (I-130A)
3. หนังสือค้ำประกันจากสปอนเซอร์หรือสปอนเซอร์หลัก (I-864)
4. เอกสารส่วนตัวของผู้สมัครพร้อมฉบับแปลเป็นภาษาอังกฤษมีตราประทับรับรองคำแปล เช่น หนังสือเดินทาง ใบเกิด ใบเปลี่ยนชื่อ-นามสกุล ทะเบียนหย่า (ถ้าเคยหย่ามาก่อน) เป็นต้น
5. เอกสารส่วนตัวของสปอนเซอร์ เช่น ใบเกิด หนังสือเดินทาง Naturalization certificate ใบขับขี่ ใบเปลี่ยนชื่อนามสกุล ใบหย่า (ถ้าเคยหย่ามาก่อน) เป็นต้น
6. เอกสารแหล่งพำนักในอเมริกาของสปอนเซอร์ เช่น สัญญาเช่า เอกสารแสดงกรรมสิทธิ์ในบ้านและที่ดิน หลักฐานการผ่อนชำระค่าบ้านหรือmortgage statement บิลค่าน้ำ ค่าไฟ เป็นต้น
7. เอกสารการงานและรายได้ของสปอนเซอร์ เช่น เอกสารภาษีเงินได้ปีล่าสุดหรือTax Return Transcriptปีล่าสุด หนังสือรับรองงาน เป็นต้น
8. ใบรับรองความประพฤติจากกรมตำรวจของผู้สมัคร
9. รูปถ่ายสี 8 รูป ขนาด 2×2 นิ้ว รูปสี พื้นหลังสีขาวของผู้สมัคร
10. รูปถ่ายสี 1 รูป ขนาด 2×2 นิ้ว รูปสี พื้นหลังสีขาวของสปอนเซอร์
11. หลักฐานแสดงความสัมพันธ์
12. ผลตรวจสุขภาพของผู้สมัคร
 
ในกรณีที่มีสปอนเซอร์ร่วม หรือ Joint Sponsor :
 
หนังสือค้ำประกันจากสปอนเซอร์ร่วม (I-864)
หลักฐานที่แสดงว่าสปอนเซอร์ร่วมถือสัญชาติอเมริกันหรือเป็นผู้มีถิ่นที่อยู่ถาวรในสหรัฐอเมริกา เช่น หนังสือเดินทาง กรีนการ์ด
เอกสารการงานและรายได้ของสปอนเซอร์ร่วม เช่น เอกสารภาษีเงินได้ปีล่าสุดหรือ Tax Return Transcript ปีล่าสุด หนังสือรับรองงาน เป็นต้น
ในกรณีที่สปอนเซอร์ร่วมยื่นภาษีร่วมกับคู่สมรสและใช้รายได้ของทั้งคู่ในการรับรองผู้สมัคร คู่สมรสของ Joint Sponsor จะต้องยื่นทะเบียนสมรสและแบบฟอร์ม I-864A ร่วมด้วย
เอกสารทั้งหมดจะต้องแสกนเป็นสีจากเอกสารตัวจริงเพื่ออัพโหลดลงในระบบของใบสมัครออนไลน์
ส่วนเอกสารตัวจริงของผู้สมัครและสำเนาเอกสารของสปอนเซอร์หลักและสปอนเซอร์ร่วมจะต้องนำไปแสดงต่อเจ้าหน้าที่สถานทูต ณ วันสัมภาษณ์ต่อไป
 
ขั้นตอนการขอวีซ่าคู่สมรสอเมริกา CR1
เพื่อให้เห็นภาพที่ชัดเจน เราจะแบ่งขั้นตอนการยื่นขอวีซ่าคู่สมรสอเมริกา CR1 / IR1 ออกเป็น 5 ขั้นตอนเพื่อให้ง่ายต่อความเข้าใจ
 
ขั้นตอนการขอมีดังนี้:
 
ขั้นตอนที่ 1 กรอกฟอร์มคำร้อง I-130 ออนไลน์ อัพโหลดเอกสารส่วนตัวของผู้สมัครและสปอนเซอร์ และจ่ายค่าธรรมเนียมคำร้อง I-130 ผ่านทาง myUSCIS
สปอนเซอร์บุคคลสัญชาติอเมริกาจะต้องสร้างบัญชีผู้ใช้งานใน myUSCIS สำหรับกรอกคำร้องและจ่ายค่าธรรมเนียมการขอวีซ่าที่ลิงก์นี้ https://myaccount.uscis.gov/  
 
โดยให้กดที่ Sign up เพื่อสร้างบัญชีผู้ใช้งาน
หลังจากที่สร้างบัญชีเรียบร้อยแล้วให้เลือกหัวข้อ File a Form Online
แล้วเลือก Petition for Alien Relative (I-130)
และเริ่มกรอกใบคำร้องได้เลย

วีซ่านักเรียน



วีซ่า F1 คือ วีซ่าที่ออกให้นักเรียนทุนส่วนตัวหรือนักเรียนที่ไม่ได้มีข้อผูกมัดในการเดินทางกลับประเทศของตัวเองหลังจากสำเร็จการศึกษา เช่นการไปเรียนภาษา คอร์สระยะสั้น 6 เดือน เรียนต่อปริญญาตรี โท เอก หรือเป็นการเรียนหลักสูตรใดๆทางด้านวิชาการนั่นเอง
วีซ่า J1 คือ วีซ่าที่ออกให้นักเรียนทุนที่ได้รับการสนับสนุนจากองค์กรใดองค์กรหนึ่ง และมีข้อผูกมัดที่จะต้องกลับประเทศของตัวเองหลังจากสำเร็จการศึกษา เช่นการไป Work and Travel หรือเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยน
วีซ่า M1 คือ วีซ่าที่ออกให้สำหรับบุคคลที่ต้องการเรียนในด้านวิชาชีพ หรือด้านอื่นๆที่นอกเหนือจากด้านวิชาการ หรือเข้าฝึกอบรมหลักสูตรต่างๆที่จัดโดยสถาบันในประเทศสหรัฐอเมริกา

วีซ่านักเรียนอเมริกา F1 คือ วีซ่าที่ใช้เพื่อศึกษาต่อในประเทศสหรัฐอเมริกา ไม่ว่าจะเป็น การเรียนภาษาอังกฤษ การเรียนสายวิชาชีพต่างๆ การเรียนต่อปริญญาตรี ไปจนถึงปริญญาโท และปริญญาเอก รวมถึงหลักสูตรอื่นๆที่มีระยะเวลามากกว่า 18 ชั่วโมงต่อสัปดาห์
ซึ่งบุคคลที่ต้องการจะไปเรียนต่อที่อเมริกาโดยทุนส่วนตัวไม่ได้มีองค์กรใดสนับสนุน ต้องใช้วีซ่าประเภท F-1 ในการยื่นขอ
โดยในวันนี้เรามาทำความรู้จักวีซ่าประเภทนี้กันดีกว่าว่า วีซ่าประเภทนี้มีขั้นตอนและวิธีการทำอย่างไร รวมทั้งกลยุทธ์การกรอกใบสมัครให้ถูกต้องและต้องใช้เอกสารใดในการยื่นขอบ้าง

เรื่องสำคัญที่ต้องทราบก่อนสมัครวีซ่านักเรียน F1
การที่จะเริ่มทำการสมัครขอวีซ่านักเรียนอเมริกา หรือ F1 ได้นั้น ทางผู้สมัครจะต้องมีการติดต่อสถานศึกษาในประเทศสหรัฐอเมริกาเสียก่อน
เพื่อให้ทางสถานศึกษา โรงเรียน สถาบัน หรือมหาวิทยาลัยนั้นๆ ออกจดหมายตอบรับที่เรียกว่า I20 ให้เรา
และโรงเรียนเหล่านั้นต้องเป็นโรงเรียนที่ได้รับการรับรองจาก U.S. Citizenship and Naturalization Service
ซึ่งจดหมายตอบรับ I20 ตัวนี้จำเป็นต่อการยื่นขอวีซ่านักเรียนอย่างมาก
โดยการที่จะได้จดหมายตอบรับ I20 นั้นจำเป็นจะต้องลงเรียนทางด้านวิชาการผ่านวิทยาลัยหรือมหาวิทยาลัยที่ผ่านการรับรอง โรงเรียนเอกชนระดับประถมศึกษา หรือโปรแกรมสอนภาษาอังกฤษที่ผ่านการอนุมัติ   รวมไปถึงหลักสูตรอื่นๆที่มากกว่า18 ชั่วโมงต่อสัปดาห์
แต่ถ้าหากลงเรียนน้อยกว่า 18 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ และเป็นคอร์สวิชาชีพที่นอกเหนือจากทางด้านวิชาการ หรือคอร์สฝึกอบรมใดๆ สามารถขอวีซ่าประเภท M ได้
แต่ในวันนี้เราขอพูดถึงวีซ่านักเรียนแบบ F1 มาทำความรู้จักวีซ่าประเภทนี้กันดีกว่าว่าวีซ่านักเรียนอเมริกาประเภท F-1 คืออะไร ต้องใช้เอกสารใดในการยื่นขอบ้าง

ค่าธรรมเนียมในการขอวีซ่า F1
ค่าธรรมเรียมในการยื่นขอวีซ่า F1 จะแบ่งเป็น 2 ส่วนดังนี้
 
ค่าธรรมเนียมวีซ่านักเรียนอเมริกาจำนวน $160 โดยค่าธรรมเนียมนี้ไม่สามารถขอคืนได้
ค่า Sevis จำนวน $200 เป็นค่าธรรมเนียมของระบบเก็บข้อมูลและติดตามนักเรียนที่อยู่ในสหรัฐอเมริกา ซึ่งนักเรียนต่างชาติทุกคนที่ใช้แบบฟอร์ม I20 ในการยื่นขอวีซ่าต้องชำระค่าธรรมเนียมนี้และไม่สามารถขอคืนเงินได้ไม่ว่ากรณีใดก็ตาม

คุณสมบัติเบื้องต้นของผู้สมัครวีซ่านักเรียนอเมริกา
ผู้ที่จะสมัครวีซ่านักเรียนอเมริกาได้นั้น จะต้องมีคุณสมบัติครบถ้วนตามที่กำหนดไว้ในกฎหมายตรวจคนเข้าเมืองแห่งประเทศสหรัฐอเมริกา กล่าวคือ
 
ไม่จำกัดอายุ เพียงแต่ถ้าอายุต่ำกว่า 20 ปี อาจะจะต้องขอความยินยอมจากผู้ปกครอง
มีสถานศึกษาที่รองรับในประเทศสหรัฐอเมริกาหรือมีใบ I20
มีเงินมากพอที่จะไปเรียนต่อ
มีพื้นฐานความรู้ การทำงาน ณ ปัจจุบัน ที่สมเหตุสมผลกับหลักสูตรที่ต้องการไปเรียนต่อ หรือถ้าจะเรียนอะไรที่ต่างไปจากเดิม ก็ควรชี้แจงได้ว่าทำไมถึงเลือกเรียนหลักสูตรดังกล่าว

รายการเอกสารในการยื่นขอวีซ่านักเรียนอเมริกา F1
ในการยื่นขอคำร้องขอวีซ่านักเรียนอเมริกา หรือ Type F1 นั้น จะต้องทำการเตรียมเอกสารดังรายการต่อไปนี้ให้พร้อม และควรจะเป็นเอกสารตัวจริงทั้งหมด โดยเราอาจจะแยกเป็นเอกสารสำคัญและเอกสารอื่นๆ ดังนี้
 
เอกสารสำคัญ
- หนังสือเดินทาง (Passport) โดยต้องมีอายุคงเหลือมากกว่าระยะเวลาที่ผู้สมัครตั้งใจจะอยู่ในประเทศสหรัฐอเมริกา อย่างน้อย 6 เดือน
- ใบคำร้องขอวีซ่าชั่วคราว (DS-160)
- รูปถ่ายขนาด 2×2 นิ้วที่ถ่ายไว้ไม่เกิน 6 เดือน (พื้นหลังสีขาว หน้าตรง ไม่สวมแว่นตา และควรเปิดหน้า)
- ใบเสร็จชำระเงินค่าธรรมเนียมวีซ่า
- แบบฟอร์ม I20 ที่มีลายเซ็นรับรองจากโรงเรียน
- ใบนัดสัมภาษณ์

เอกสารอื่นๆ
เอกสารส่วนตัวอื่นๆ เช่น บัตรประชาชน ทะเบียนบ้าน ใบเปลี่ยนชื่อ ใบเปลี่ยนนามสกุล ทะเบียนสมรส ใบหย่า ใบเกิด (ในกรณีที่ผู้สมัครยังเป็นผู้เยาว์) หนังสือยินยอมให้ผู้เยาว์เดินทางไปต่างประเทศ (ในกรณีที่ผู้สมัครยังเป็นผู้เยาว์)
เอกสารการเงิน เช่น Bank Statement ย้อนหลัง 6 เดือนและ Bank Guarantee ถ้าหากว่ามีสปอนเซอร์ให้ขอ Bank Statement ย้อนหลัง 6 เดือน และ Bank Guarantee ของสปอนเซอร์ด้วยเช่นกัน ทั้งนี้ เอกสารทั้ง 2 อย่างนี้ควรออกเป็นภาษาอังกฤษ
เอกสารแสดงสถานะการเรียนหรือการทำงาน ณ ปัจจุบัน เช่น ถ้าทำงานอยู่ให้ใช้หนังสือรับรองการทำงานพร้อมวุฒิและใบเกรดการศึกษาชั้นสูงสุด ถ้าศึกษาอยู่ให้ใช้ใบรับรองการเป็นนักเรียน นักศึกษา ใบเกรดเทอมล่าสุด

ขั้นตอนการยื่นขอ
ยื่นคำร้องออนไลน์
 
โดยการกรอกแบบฟอร์ม DS-160 ที่เว็บไซต์ (https://ceac.state.gov/genniv/) โดยเลือกสถานที่ยื่นคำร้องวีซ่า สำหรับประเทศไทยนั้นจะมีให้เลือก 2 ที่คือ กรุงเทพฯ และ เชียงใหม่ จากนั้นสามารถเริ่มต้นการกรอกแบบฟอร์มได้
2. ระบบจะมีหมายเลขยืนยันแบบฟอร์ม หรือ Application ID ให้โดยอัตโนมัติ เราต้องจดหมายเลขนี้ไว้เพราะหมายเลขนี้สามารถใช้ยืนยันความปลอดภัยเพื่ออ้างอิงความเป็นเจ้าของแบบฟอร์มในกรณีที่เราต้องการกรอกข้อมูลต่อในภายหลัง ฟอร์มจะเป็นภาษาอังกฤษทั้งหมด ดังนั้นจึงต้องทำความเข้าใจในคำถามและตอบให้ถูกต้อง ตรวจทานทุกครั้งก่อนที่จะยื่น เพราะถ้าเรายื่นไปแล้วนั้นจะไม่สามารถกลับมาแก้ไขได้อีก
 
3. ข้อมูลในส่วนของการเดินทางหรือ Travel Information จะเป็นการใส่ข้อมูลที่พักหรือโรงเรียนที่ผู้สมัครได้ทำการติดต่อไว้แล้ว ซึ่งในส่วนนี้ก็จะมีให้กรอกรายละเอียดในส่วนของสปอนเซอร์ (ถ้ามี) ด้วย
4. ในส่วนของข้อมูลที่เกี่ยวกับการศึกษาและการทำงานนั้นจะเป็นส่วนข้อมูลที่สำคัญมากในการนำมาพิจารณา เพราะฉะนั้นการเขียนอธิบายหน้าที่การทำงานมีผลอย่างมาก หากผู้สมัครสามารถอธิบายถึงความสัมพันธ์ในหน้าที่การงานกับเหตุผลที่ต้องไปเรียนต่อที่ต่างประเทศก็จะสามารถทำให้การพิจารณาในครั้งนี้มีความน่าจะเป็นสูงที่จะผ่าน แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของเจ้าหน้าที่อีกด้วย
5. SEVIS Information จะเป็นข้อมูลที่อยู่ในเอกสาร I20 ซึ่งจะเป็นเอกสารที่ทางโรงเรียนส่งมาโดยจะมีข้อมูลของโรงเรียนและ SEVIS ID ที่เราต้องกรอกให้ครบถ้วน
6. หลังจากที่เรากรอกแบบฟอร์มเรียบร้อย ก็ต้องอัพโหลดรูปถ่ายหน้าตรงพื้นหลังสีขาว โดยต้องปรับให้มีขนาดตรงตามที่สถานทูตอเมริกากำหนดไว้
7. เมื่อกรอกฟอร์มและอัพโหลดรูปภาพเสร็จแล้ว ระบบจะแสดงหน้าต่างให้ตรวจสอบข้อมูลอีกครั้งและจะเข้าสู่หน้ายืนยันเพื่อพิมพ์เอกสารยืนยันไปยื่นในวันสัมภาษณ์

การชำระค่าธรรมเนียม
หากไม่เคยยื่นวีซ่าอเมริกามาก่อน คุณจะต้องมีบัญชีโดยการสร้างใหม่ที่ (https://www.ustraveldocs.com/th_th/th-niv-paymentinfo.asp) โดยเมื่อสร้างบัญชีเสร็จแล้วก็ให้เลือกหัวข้อ “การสมัครขอวีซ่าใหม่/นัดสัมภาษณ์” และกรอกข้อมูลทั้งหมดไปจนถึงการชำระเงิน
2. การชำระค่าธรรมเนียมวีซ่านักเรียนอเมริกามีอยู่ 2 วิธี นั่นก็คือ
 
จ่ายเงินสด สามารถจ่ายได้ที่ธนาคารกรุงศรีอยุธยาทุกสาขา โดยใช้ใบนำเงินฝากที่เราพิมพ์จากระบบออนไลน์ที่มีเลขอ้างอิงเพื่อยื่นชำระเงิน และเก็บใบนำฝากส่วนของลูกค้าที่ได้รับตราประทับจากธนาคารไว้เป็นหลักฐานยื่นในวันสัมภาษณ์ด้วย
โอนเงินอิเล็กทรอนิกส์ด้วยระบบ EFT ซึ่งทางเราขอไม่แนะนำวิธีนี้เพราะจะยุ่งยากกว่าวิธีแรก เนื่องจากระบบ Internet Banking ของธนาคารไทยบางแห่งยังไม่รองรับ และการจ่ายเงินด้วยวิธี EFT นั้นจะต้องรอ 2 วันทำการเพื่อให้ระบบยืนยันการจ่ายเงินถึงจะนัดทำวีซ่าได้ซึ่งจะนานกว่าวิธีแรก
3. เมื่อเราชำระเงินเสร็จแล้วให้รอจนถึงเที่ยงของวันถัดไป (ในกรณีที่ชำระเงินสดผ่านธนาคารกรุงศรี) ระบบจะแสดงเลขที่ใบเสร็จรับเงินของเรา จากนั้นเราจึงจะทำการนัดหมายวันสัมภาษณ์ได้ โดยเลือกวันเวลาตามความสะดวก (สามารถเปลี่ยนแปลงวันนัดสัมภาษณ์ได้ แต่จำกัดจำนวนครั้ง) เมื่อทำการนัดหมายเสร็จเรียบร้อยก็พิมพ์ใบนัดสัมภาษณ์เพื่อยื่นในวันสัมภาษณ์ก็เป็นอันเสร็จสิ้น

การสัมภาษณ์วีซ่า F1
การสัมภาษณ์วีซ่า F1 นั้น จะเป็นขั้นตอนสุดท้ายแล้ว และจะทราบผลทันทีหลังจากสัมภาษณ์ว่า ผู้ขอจะได้รับอนุมัติวีซ่าหรือไม่ เราจึงขอแนะนำให้คุณอ่านข้อมูลด้านล่างนี้อย่างละเอียด และหากเป็นไปได้ ควรซักซ้อมการสัมภาษณ์ เพื่อให้ไม่ประหม่าและตอบคำถามได้อย่างถูกต้องด้วย
 
เตรียมหนังสือเดินทาง (Passport) และเอกสารที่เราเตรียมไว้ให้พร้อม โดยการขอวีซ่านักเรียนอเมริกานั้นจะอยู่ที่การสัมภาษณ์เป็นหลัก และยื่นเอกสารไม่กี่อย่างเท่านั้นตามแต่เจ้าหน้าที่จะขอเช็คดูหรือไม่ ทั้งนี้ผู้สมัครทุกท่านควรเตรียมเอกสารให้พร้อมและครบถ้วนทั้งหมด เผื่อเจ้าหน้าที่ขอดูจะได้มีพร้อมให้เจ้าหน้าที่ดูได้ทันที ในกรณีที่เจ้าหน้าที่ขอดูเอกสารแต่เราไม่ได้นำมาด้วย อาจจะส่งผลเสียต่อการพิจารณาได้
ควรไปให้ถึงสถานทูตก่อนเวลานัดหมาย 30 นาที แบบมีสัมภาระให้น้อยที่สุด เนื่องจากก่อนเข้าสถานทูตจะมีการแสกนร่างกาย และถ้ามีสิ่งของต้องห้ามหรือกระเป๋าขนาดใหญ่ทางสถานทูตจะไม่อนุญาตให้นำเข้าโดยเด็ดขาด ส่วนโทรศัพท์มือถือนั้นนำเข้าไปได้แค่ 1 เครื่องเท่านั้น และจะต้องปิดเครื่องและฝากไว้กับเจ้าหน้าที่ด้านหน้า ขณะที่เข้าสัมภาษณ์
จากนั้นเจ้าหน้าที่จะดำเนินการตรวจเอกสารเบื้องต้นและจัดเก็บข้อมูลลายนิ้วมือก่อนเข้าสัมภาษณ์ โดยระหว่างนี้จะมีการแนบตราไปรษณีย์แบบ EMS สำหรับส่งหนังสือเดินทางคืนมา ให้จดเลขสำหรับติดตามเอกสารไว้ ส่วนในกรณีที่นัดหมายเป็นกลุ่มนั้นก็สามารถเข้าสัมภาษณ์ได้พร้อมกัน
การสัมภาษณ์วีซ่านักเรียนอเมริกานั้น แนะนำให้เตรียมความพร้อมในการสัมภาษณ์เป็นภาษาอังกฤษไว้ก่อน เพราะจะต่างไปจากวีซ่าท่องเที่ยวที่ส่วนมากแล้วเจ้าหน้าที่จะไม่พิจารณาเรื่องภาษาในการสัมภาษณ์ซักเท่าไหร่ ทั้งนี้ถ้าผู้สมัครรู้สึกประหม่าจริงๆแล้วตื่นเต้นจนไม่สามารถสื่อสารภาษาอังกฤษได้ดั่งใจ ก็สามารถขอสัมภาษณ์ภาษาไทยได้ เจ้าหน้าที่สัมภาษณ์จะเป็นต่างชาติทั้งหมด ส่วนมากพอสื่อสารภาษาไทยได้ ในกรณีที่สื่อสารไม่รู้เรื่องจริงๆก็จะมีล่ามมาช่วย ในส่วนของการสัมภาษณ์นั้นเจ้าหน้าที่จะถามเกี่ยวกับคอร์สที่เราลงเรียนเป็นหลัก เช่น ลงเรียนคอร์สอะไรไป ระยะเวลาเท่าไร ทำไมต้องเป็นคอร์สนี้ ในบางกรณีหากเจ้าหน้าที่มีข้อสงสัย สามารถขอให้เจ้าหน้าที่พิจารณาเอกสารเพิ่มเติมที่คุณนำมาด้วย แต่เจ้าหน้าที่จะนำมาประกาอบการพิจารณาหรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับเจ้าหน้าที่ทั้งสิ้น
ผลการสัมภาษณ์ เมื่อเจ้าหน้าที่สัมภาษณ์เสร็จแล้วจะมีอยู่ 2 สถานการณ์ที่คุณจะพบเจอ
5.1 ผ่าน – เจ้าหน้าที่จะเก็บหนังสือเดินทางของคุณไปและจะได้รับคืนพร้อมติดหน้าวีซ่านักเรียน F1 มาในเล่มหนังสือเดินทาง ส่งกลับมาทางไปรษณีย์ EMS ภายใน 3-7 วันทำการ โดยอายุของวีซ่าที่เราจะได้รับนั้นขึ้นอยู่กับดุลพินิจของทางสถานทูต ซึ่งส่วนใหญ่วีซ่านักเรียนนั้นจะได้ครอบคลุมตามระยะเวลาคอร์สที่เราเรียน
 
5.2 ไม่ผ่าน – เจ้าหน้าที่จะคืนหนังสือเดินทางของคุณหลังจากสัมภาษณ์เสร็จแล้ว โดยเราจะไม่ได้รับค่าธรรมเนียมคืน ซึ่งหากต้องการจะยื่นขอวีซ่าอีกครั้งนั้นต้องทำการขอใหม่ตั้งแต่ต้น และชำระเงินอีกครั้ง

สถานที่ขอยื่นวีซ่าอเมริกา
สำหรับการขอยื่นวีซ่าอเมริกาที่ประเทศไทยนั้นมีอยู่ 2 ที่นั่นก็คือ
 
กรุงเทพฯ
สถานเอกอัครราชทูตสหรัฐประจำประเทศไทย
95 ถนนวิทยุ แขวงลุมพินี เขตประทุมวัน กรุงเทพฯ
เวลาทำการ: ติดต่อได้เฉพาะช่วงเวลานัดหมาย ปิดทำการในวันเสาร์ อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์
เชียงใหม่
สถานกงสุลใหญ่สหรัฐอเมริกาประจำเชียงใหม่
387 ถนนวิชยานนท์ ตำบลช้างม่อย อำเภอเมือง เชียงใหม่ 50300
เวลาทำการ: ติดต่อได้เฉพาะช่วงเวลานัดหมาย ปิดทำการในวันเสาร์ อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์